RSS

พะแนงหมู




พะแนง ถือเป็นแกงไทยแท้ตามแบบฉบับอาหารภาคกลาง ที่มีรสชาติหอมหวาน ไม่เผ็ดจนเกินไป และนิยมทำด้วยเนื้อสัตว์หลายหลายชนิด อาทิเช่น พะแนงหมู พะแนงไก่ พะแนงเนื้อ พะแนงเป็ดย่าง เป็นต้น โดยปกติแล้วพะแนงจะถือเป็นอาหารหลักสำหรับร้านอาหารไทยทุกแห่งทั่วประเทศไทย และทั่วโลก เนื่องจากพะแนงเป็นอาหารประเภทแกงที่มีรสชาติดี จนสามารถเรียกได้ว่าเป็นอาหารประจำชาติของไทยอีกอย่างหนึ่งทีเดียวลักษณะเด่นของพะแนง ก็คือ จะปรุงน้ำพริกแกงด้วยส่วนผสมพิเศษคือ ผงยี่หร่าและเม็ดผักชีบนละเอียด ซึ่งทำให้มีรสชาติหอมหวานน่ารับประทาน และโดยปกติแล้วจะแพงจะจัดอยู่ในกลุ่มพริกแกงอย่างหนึ่ง แต่จะเป็นพริกแกงชนิดที่มีน้ำแกงค่อนข้างน้อย เป็นลักษณะพริกแกงผสมกะทิเข้มขัน ทำให้มีความหวานมันกว่าแกงเผ็ดประเภทอื่นๆ จึงเป็นที่นิยมบริโภคกันอย่างกว้างขวางทั่วโลก



ส่วนผสมสำหรับทำพะแนงหมู"

1.เนื้อหมู 300 กรัม2.กะทิ 1 ถ้วย3.ใบมะกรูดหั่นฝอย 2 ใบ4.น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ5.น้ำตาลปีบ 1 ช้อนโต๊ะ6.โหระพา 2 กิ่ง7.พริกแดงหั่นเฉียง 2 เม็ด8.น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ9.ถั่วลิสงคั่วป่น 1 ช้อนโต๊ะ


"ส่วนผสมเครื่องปรุงน้ำพริก"

1.พริกแห้งแกะเมล็ดออก 6-7 เม็ด2.หอมแดง 5 หัว3.กระเทียม 2 หัว4.ข่าหั่นฝอย 1 ช้อนชา5.ตะไคร้หั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ6.รากผักชีหั่นฝอย 1/2 ช้อนโต๊ะ7.ผิวมะกรูดหั่นฝอย 1/2 ช้อนโต๊ะ8.ผักลูกชีคั่วป่น 1 ช้อนชา9.ยี่หร่าคั่วป่น 1/2 ช้อนชา10.เกลือป่น 1 ช้อนชา11.พริกไทย 5 เม็ด12.ผงขมิ้น 1 ช้อนชา13.กระชายหั่น 1 ช้อนโต๊ะ14.กะปิ 1 ช้อนชา

"วิธีทำพะแนงหมู"

1.โขลกน้ำพริกให้ละเอียด
2.ล้างหมูให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นตามขวางรวนสักครู่พอให้หมูสุก
3.ผัดน้ำพริกกับน้ำมันให้หอม เติมกะทิอย่าให้น้ำพริกแห้ง ผัดให้หอมและแตกมันใช้ไฟอ่อนๆ จนหมูนุ่มน้ำแกงขลุกขลิกใส่ใบโหระพา ยกขึ้น จัดใส่จานแต่งด้วยใบโหระพาสดเด็ดเป็นช่อๆ













>






ขั้นตอนการทำต้มข่าเห็ดกุ้ง



ส่วนผสม

กุ้งสด 10 ตัว
น้ำเต้าหู้ 1 ถ้วย
ข่าอ่อนหั่นเป็นแว่นบางๆ 5-6 แว่น
หอมแดงทุบ 3 หัว
ใบมะกรูดฉีก 3 ใบ
เห็ดฟางผ่าซีก 1 ถ้วย
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูสวน 5 เม็ด
ผักชีสำหรับโรยหน้า(ตามชอบ)
น้ำซุปผัก 2 ถ้วย


วิธีทำ

ต้มน้ำซุปผักจนเดือด จากนั้นใส่ข่าอ่อน หอมแดงทุบ ใบมะกรูดฉีก พริกขี้หนูสวน (ใส่ทั้งก้านจะมีกลิ่นหอมและไม่เผ็ดมาก) ต้มจนเดือด
ใส่เห็ด และกุ้งลงไป ปรุงรสด้วยเกลือป่น น้ำปลา น้ำมะนาว คนให้เข้ากัน
เติมน้ำเต้าหู้ลงไปคนให้ทั่วสักครู่ (ห้ามเคี่ยวนาน) เมื่อเดือดแล้วปิดไฟ ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยผักชีและพริกขี้หนูสวน
**หมายเหตุ
เนื่องจากน้ำเต้าหู้ไม่เหมือนกะทิ ไม่ว่าจะทำเมนูไหนก็ตาม ควรใส่ลงไปหลังสุด และไม่ควรเคี่ยวนานเด็ดขาด เพราะจะทำให้ข้นจนเป็นก้อน ทำให้ไม่น่ากิน


















แหล่งท่องเที่ยว

จังหวัดร้อยเอ็ด ::: ข้อมูลทั่วไป

ตามตำนานเล่ากันมาว่าบริเวณที่ตั้งจังหวัดร้อยเอ็ดในปัจจุบัน เดิมเป็นเมืองใหญ่ชื่อว่า
เมืองสาเกตนคร (อาณาจักรกุลุนทะนคร) เป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมาแต่โบราณกาลมีเมืองขึ้นถึงสิบเอ็ด
เมือง (ในสมัยโบราณนิยมเขียนสิบเอ็ด เป็น ๑๐๑ คือ สิบกับหนึ่ง) มีทางเข้าสู่เมืองถึงสิบเอ็ดประตู
มีเจ้าผู้ครองนครเรียกว่าพระเจ้ากุลุนทะ มีเชื้อสายสืบสันติวงศ์ติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายร้อยปี
เมืองสาเกตนครหรืออาณาจักรกุลุนทะนครนอกจากจะมีประตูและเส้นทางเข้าสู่เมืองถึงสิบเอ็ดทางแล้ว
ยังมีรหัส ควบคุมความปลอดภัยความมั่นคงของบ้านเมืองอย่างเข้มแข็ง เช่น มีวัดตามรายทางเข้าเมือง
และมีปี่ซาววา (ซาว เป็นภาษาอีสานหมายความว่า ๒๐)สามารถส่งสัญญาณเข้าสู่ตัวเมืองบอกข่าวสาร
แจ้งเหตุร้ายดีที่จะมาถึงเมืองสาเกตนครให้ทราบล่วงหน้าได้เป็นอย่างดีเมืองสาเกตนครหรืออาณาจักรกุลุน
-ทะนคร จึงเป็นอาณาจักรที่จัดระบบการปกครองและรัฐประศาสนศาสตร์แตกต่างไปจากอาณาจักรอื่น ๆ
สมัยพระเจ้าสุริยวงศาไชยเชษฐาธรรมิกราช เมืองขึ้นกับเมืองสาเกตนครทั้ง ๑๑ เมือง


:::: แหล่งท่องเที่ยว:::::

:บึงพลาญชัย:

ตั้งอยู่บริเวณกลางเมืองร้อยเอ็ดอยู่ในเขตเทศบาลเมืองร้อยเเอ็ดถือเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดมีลักษณะเป็นเกาะ อยู่กลางบึงน้ำขนาดใหญ่ มีเนื้อที่ประมาณ 2 แสนตารางเมตร เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจตกแต่งเป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ มีพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ร่มรื่น และในบึงน้ำมีปลาชนิดต่างๆ หลายพันธุ์มากมายมีเรือสำหรับให้ประชาชนได้พายเล่นในบึง


::วนอุทยานผาน้ำย้อย ::

อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอำเภอหนองพอก เดินทางโดยรถยนต์สายร้อยเอ็ด – อำเภอโพน

ทอง - อำเภอหนองพอก ระยะทาง 62 กิโลเมตร จากตัวเมืองร้อยเอ็ดผาน้ำย้อยเป็นผาหินขนาดใหญ่ ซึ่งมีน้ำไหล

ตกและซึมตลอดปี อยู่บนภูเขาเขียว บ้านโคกกลาง ตำบลโคกสว่าง มีเนื้อที่รอบ ๆ บริเวณ หน้าผาพื้นที่ประมาณ

20,000 ไร่ เป็นป่าไม้เนื้อแข็งนานาชนิด นับเป็นป่าที่มีค่าและหายากอย่างยิ่ง มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่หลายชนิด

พระมหาเจดีย์ชัยมงคลเช่น หมู่ป่า เก้ง กวาง ไก่ป่า ฯลฯ บริเวณเชิงเขาจะมีวัดอยู่วัดหนึ่ง สร้างในพื้นที่ 2,500 ไร่

มีศาลาการเปรียญที่ใหญ่โตมาก มีขนาดกว้าง 40 เมตร ยาว 80 เมตร วัดนี้มีชื่อว่า “วัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์

วนาราม” โดยมีพระอาจารย์ศรี มหาวิโร ซึ่งเป็นศิษย์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง นอก

จากนี้ยังมี “พระมหาเจดีย์ชัยมงคล” เป็นพระมหาเจดีย์ที่สูงอยู่ในลำดับต้น ๆ ของเจดีย์ในประเทศไทย มีความ

กว้าง 101 เมตร สูง 101 เมตร ในเนื้อที่ 101 ไร

สวนพฤกษศาสตร์วรรณคดี เป็นโครงการสวนพกฤษศาสตร์ในวรรณคดี ประจำภาคตะวันออกเฉียง

เหนือตั้งอยู่ในบริเวณป่าสงวนแห่งชาติดงมะอี่ ตำบลผาน้ำย้อย อำเภอหนองพอก ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ

85 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ เป็นเนื้อที่สำหรับปลูกต้นไม้แบ่งตามวรรณคดี เช่น เรื่องพระเวสสันดร

ลิลิตพระลอ ลิลิตตะเลงพ่าย ลานพุทธประวัติ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรแยกตามสรรพคุณบริเวณสวนมี

สภาพภูมิประเทศสวยงาม




















เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาน้ำทิพย์ ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอหนองพอก ควบคุมดูแลพื้นที่ประมาณ 151,242

ไร่ หรือประมาณ 242 ตารางกิโลเมตรโดยสภาพพื้นที่จะเป็นเทือกเขาหินทรายสูงชันและสลับซับซ้อน ประกอบ

ด้วยป่าดิบแล้งป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรัง ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์สัตว์ป่าที่พบในพื้นที่ป่าแห่งนี้ ได้แก่ ไก่ฟ้า

พญาลอ หมูป่า สุนัขจิ้งจอก เป็นต้น จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจในบริเวณเขตห้ามล่า ฯ คือ ผาพยอม ซึ่งเป็นจุดที่ใช้

สำหรับชมพระอาทิตย์ขึ้น และผาน้ำทิพย์ ซึ่งเป็นจุดที่ใช้ชมพระอาทิตย์ตกดิน

ผาน้ำย้อย

ผาน้ำย้อย
อ. หนองพอก จ. ร้อยเอ็ด

ข้อมูลทั่วไป - ผาน้ำย้อย
ผาน้ำย้อย (พุทธอุทยานอีสาน) ตั้งอยู่ที่บ้านโคกกลาง ตำบลผาน้ำย้อย เป็นผาหินขนาดใหญ่ ซึ่งมีน้ำไหลและซึมตลอดปีอยู่บนภูเขาเขียว แบ่งพรมแดนระหว่างอำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร และอำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ มีเนื้อที่ประมาณ 20,000 ไร่ เป็นป่าไม้เนื้อแข็งนานาชนิด มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่หลายชนิด เช่น หมูป่า เก้ง กวาง ไก่ป่า ผาน้ำย้อยอยู่สูงจากระดับพื้นดิน 200 เมตร และสูงกว่าระดับน้ำทะเล 380-500 เมตร บนเขาลูกนี้มี วัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วนาราม มีเนื้อที่ 2,500 ไร่ โดยมีพระอาจารย์ศรีมหาวิโร ซึ่งเป็นศิษย์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัต เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ภายในบริเวณมี พระมหาเจดีย์ชัยมงคล เป็นพระเจดีย์ที่ใหญ่องค์หนึ่งของประเทศไทย ออกแบบโดยกรมศิลปากร เป็นสีขาวตกแต่งลวดลายตระการตา
ด้วยสีทองเหลืองอร่าม รายล้อมด้วยเจดีย์องค์เล็กทั้ง 8 ทิศ มีความกว้าง 101 เมตร ความยาว 101 เมตร ความสูง 101 เมตร สร้างในเนื้อที่ 101 ไร่ เป็นพระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และได้ตกแต่งลวดลายงามวิจิตรของศิลปะยุคใหม่และยุคเก่าผสมเป็นศิลปะร่วมสมัยที่หาดูได้ยาก พระมหาเจดีย์ชัยมงคล นี้ตั้งอยู่ในบริเวณวัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วราราม ภายในพระมหาเจดีย์มีทั้งหมด 6 ชั้น คือ
ชั้นที่ 1เป็นห้องโถงกว้างใหญ่โออ่า ใช้เป็นห้อง เอนกประสงค์ และประชุมบำเพ็ญบุญ
ชั้นที่ 2 เป็นศาลาประชุมสงฆ์ ผนังติดตั้งรูปพระพุทธ
ประวัติ
ชั้นที่ 3 เป็นชั้นอุโบสถและประดิษฐานรูปพระคณาจารย์ปราชญ์อีสานในอดีต เป็นรูปเหมือนสลักหินอ่อน และหุ่นรูปเหมือนพระสุปฏิปันโน 101 องค์
ชั้นที่ 4 เป็นชั้นชมวิว ชมทัศนียภาพรอบภูเขาเขียว
ชั้นที่ 5 เป็นชั้นพิพิธภัณฑ์
ชั้นที่ 6 เป็นชั้นสูงสุดบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ระหว่างเวลา 06.00-17.30 น.